วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2558

ไทย"ไล่กวด" เวียดนาม





ไม่ ต้องงงครับตั้งชื่อเรื่องไม่ผิดแน่ๆ เพราะต่างชาติต่างฟันธงแบบไม่ต้องกลัวธงหักว่า เวียดนามโตแรงแซงไทยเริ่มจะทิ้งไทยไปเรื่อยๆ แล้วจริงๆ เร็วๆ นี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานกึ่งวิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจของเวียดนามกำลัง จะทะยานเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากตั้งอยู่ใน "จุดการเดินเรือ" ที่สำคัญ แห่งหนึ่งของโลก และมีประชากรอายุน้อยที่กำลังขยายตัวขึ้น คนทำงานของเขามีมากกว่าคนแก่ที่ทำงานไม่ได้

สอดคล้องกับไพรซ์วอเตอร์เฮาส์ ระบุว่า เวียดนามมีการเติบโตเร็วที่สุดประเทศหนึ่งของโลก ตั้งแต่ขณะนี้จนถึงปี 2050 เวียดนามจะโตเฉลี่ย 5.3% ระหว่างปี 2014-2050

สัญญาณการเติบโตของเวียดนามเริ่มฉายแววมากขึ้นโดยในปี 2014 โดยเวียดนามส่งสินค้าไปยังสหรัฐมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของอาเซียนมากกว่าไทยและมาเลเซีย ขณะที่ไทยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาส่งออกหดตัวลงต่อเนื่อง เฉพาะปีที่ผ่านมา เวียดนามโตเฉลี่ย 14% น่าวิตกตรงที่สินค้าที่เวียดนามส่งออกไปสหรัฐเป็นสินค้ากลุ่มเดียวกับไทย

นั่นแปลว่า เวียดนามแย่งตลาดส่งออกหลักของไทยได้อย่างสิ้นเชิง ข้อ ได้เปรียบที่เวียดนามเหนือไทยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการเมืองที่มีเสถียรภาพกว่า แรงงานมีประสิทธิภาพแต่ราคาถูกจึงเย้ายวนให้นักลงทุนจากญี่ปุ่น ยุโรป สหรัฐเข้าไปลงทุนแทนที่จะมาไทย

เฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนจากสหรัฐ ไม่มาลงทุนในบ้านเราหลายปีแล้วโดย ไม่เกี่ยวกับมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง หรือไม่ ล่าสุดบริษัทซัมซุงของเกาหลีใต้เทงบฯ 9 หมื่นล้านบาท อ้างแบบเดียวกันว่า เวียดนามมีค่าแรงถูกกว่า แรงงานมีประสิทธิภาพสูงกว่าและการ เมืองสงบกว่าไทย

ตั้งแต่ปี 2543 หรือหลังวิกฤตต้มยำกุ้งเป็นต้นมา เวียดนามโตเฉลี่ย 6.13% ต่อปี ขณะที่ไทยโตเฉลี่ยแค่ 1.1% เท่านั้น ต่ำกว่าเพื่อนบ้านในอาเซียนทั้งหมด

ปัจจัยชี้ขาดที่เวียดนามเหนือไทย นอกจากการเมืองนิ่ง คนมีคุณภาพราคาถูกแล้ว

สิ่งที่เราด้อยกว่าหลายๆ ประเทศ คือยึดคนมากกว่ายึดระบบ เมื่อผู้นำ "ขาดวิสัยทัศน์" ไร้ศักยภาพในการบริหาร เราจึงก้าวถอยหลังไปทุกวัน




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น