วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558

Smart Investor

ตั้งแต่มีสมาร์ทโฟน อะไรๆ ก็พากันพัฒนาตัวเองให้สมาร์ทกันหมด กลายเป็นกระแสหลักของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในทุกอุตสาหกรรม เพื่อสร้างความโดดเด่นเหนือคู่แข่ง ด้วยการเชื่อมตัวผลิตภัณฑ์เข้ากับสมาร์ทโฟนที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคน ยุคปัจจุบัน เพิ่มความสะดวกและใกล้ชิดด้วยการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับตัวผลิตภัณฑ์ แม้แต่ตู้เย็นก็ยังสมาร์ทได้ ด้วยแผงวัดปริมาณแคลอรี่ หรือการแจ้งเตือนวันหมดอายุของอาหารที่แช่ไว้ คงเป็นไปอย่างที่ตลาดได้คาดการไว้เมื่อปลายปี 2557 ว่าในปี 2558 จะมีผลิตภัณฑ์ที่สมาร์ทเพิ่มขึ้นอีกมากมาย

ความน่าสนใจเมื่อ Apple Watch เปิดตัวเมื่อไม่กี่วันก่อน คงไม่ปฏิเสธว่า Apple Watch เป็น Smartwatch ที่มีความสามารถที่หลากหลาย แต่เมื่อถูกตั้งคำถามโดยการนำไปเปรียบเทียบกับ นาฬิกาแบบดั้งเดิม ในแง่ของมูลค่าในอนาคต สำหรับตลาดของนักสะสมการซื้อขายนาฬิกาออโตเมติคแบบดั้งเดิมถือเป็นการลงทุน ชนิดหนึ่งเพราะยิ่งนานวันมูลค่าก็จะเพิ่มสูงขึ้นเหมือนพระเครื่อง แต่สำหรับนาฬิกาอัจริยะคงไม่ได้เป็นเช่นนั้นแน่ เพราะโดยธรรมชาติของผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภทราคาจะตกลงอย่างรวด เร็วหลัง จากเปิดตัวไม่นาน จะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นเมื่อย้อนกลับไปเมื่อสิบหรือยี่สิบปีก่อน คอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือในยุคนั้น  ซื้อต้นปีราคาแพงระยับ แต่แค่ปลายปีราคาเหมือนของแถมของแจก ต่างจากนาฬิกาแบบดั้งเดิมที่ยิ่งนานวัน มูลค่าก็ยิ่งเพิ่มขึ้น และกลายเป็นสมบัติที่ตกทอดถึงลูกถึงหลานคุณค่าก็ไม่ลดลง

ในอุตสาหกรรม ประเภทอื่นๆ ก็ไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเลือกลงทุนในอุตสาหกรรมใด ว่ากันตามหลักการเงิน นักลงทุนต้องการที่สุดคือความมั่งคั่ง แต่ในความมั่งคั่งที่จะได้มานั้นมีความเสี่ยงอยู่ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการลงทุนในลักษณะที่ไม่มีการบริโภคจริงหรือการเก็งกำไร ที่เป็นสาเหตุของปรากฎการณ์ฟองสบู่สร้างความปั่นป่วนให้กับระบบเศรษฐกิจใน หลายประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา หรือประเทศไทยเองเมื่อปี 2540

ในขณะที่การลงทุนที่มีการบริโภคจริง ยิ่งนานวันก็มูลค่าก็ยิ่งเพิ่มขึ้นจากการเติบโตของการดำเนินงานที่มี ประสิทธิภาพ คงต้องเลือกว่าจะลงทุนรูปแบบใด ที่จะทำให้มูลค่าของเงินลงทุนไม่ลดลง หากเป็นการลงทุนแบบเก็งกำไรซื้อมาขายไปในระยะเวลาสั้นๆ เปลี่ยนสภาพเป็นเงินสดที่ด้อยค่าลงทุกนาที หากไม่มีการนำเงินที่ได้ไปลงทุนต่อ การลงทุนแบบเก็งกำไรในลักษณะนี้ จึงไม่ต่างจากการซื้อนาฬิกาอัจริยะที่มูลค่านับวันมีแต่จะลดลง เมื่อถึงเจนเนอเรชั่นถัดไป คงจะไม่เหลือมูลค่าอะไรเลย กลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์

แม้แต่ทองคำก็ยังมีอาการด้อยค่าเมื่อ เปรียบเทียบมูลค่าปัจจุบันกับเมื่อสองปีก่อน ใครซื้อเก็งกำไรไว้ตอนนั้น ถ้าไม่ถือไว้ก็ต้องรับสภาวะขาดทุน หรือซื้อแบบนักลงทุนก็รอให้ราคากลับตัวได้ แต่จะช้าหน่อยเพราะราคาเมื่อสองสามปีก่อนไม่ใช่ราคาที่แท้จริงที่เกิดจาก การบริโภค เป็นราคาที่ถูกปั่นจากนักเก็งกำไรระดับโลก แต่อะไรจะสำคัญไปกว่าการที่ไม่สามารถควบคุมปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อราคา ทองคำได้เลย

ถ้าลองเลือกจะเปลี่ยนสภาพจาก "นักเก็งกำไร" เป็น "นักลงทุน" โดยการลงทุนระยะยาว ในกิจการใดกิจการหนึ่งอาจจะเป็นการร่วมทุนในกิจการของเพื่อนที่ไว้ใจได้ หรือพิจารณาลงทุนในบริษัทที่มีความมั่นคงและโปร่งใส ที่จะให้ผลตอบแทนต่อเนื่อง และไม่ว่ามูลค่าหน่วยลงทุนจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงก็ไม่ทำให้หน่วยลงทุนที่ถือ ครองไว้ลดลง นั่นจะหมายถึงสัดส่วนของเงินปันผลที่จะได้รับตลอดเวลาที่ถือครองหน่วยลงทุน ที่อาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามผลประกอบการของกิจการนั้นๆ แต่ธรรมชาติแล้วไม่มีกิจการใดอยากให้ผลประกอบการของตนเองติดลบแน่นอน และถ้ามีสัดส่วนเงินลงทุนที่มากพอก็สามารถจะควบคุมปัจจัยที่จะทำให้มูลค่า เงินลงทุนเพิ่มขึ้นได้ เพราะเงินลงทุนจะมีมูลค่ามากขึ้นได้ขึ้นอยู่ที่ผลประกอบการ ที่มาจากการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ ทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนแผนและกลยุทธรับมือกับปัจจัยต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบให้มูลค่าเงินลงทุนลดลง และการลงทุนลักษณะนี้สามารถส่งต่อให้กับลูกหลานได้โดยที่หน่วยลงทุนอาจจะมี มูลค่าเพิ่มขึ้นจากที่ถือครองไว้ในระยะแรกหลายเท่าตัว

ด้วยเหตุนี้จึง นำเรื่อง Apple Watch นาฬิกาอัจฉริยะที่ถูกตั้งคำถามเปรียบเทียบกับนาฬิกาออโตเมติคแบบดั้งเดิม เกี่ยวกับมูลค่าที่เมื่อเวลาล่วงผ่านเลยไป เพื่อให้เห็นภาพการลงทุนแบบนักเก็งกำไร และแบบนักลงทุนได้ชัดเจนขึ้น ถ้าในอสังหาคงต้องเปรียบเทียบการทำฟลิปปิ้งซื้อมาด้วยวัตถุประสงค์ในการเก็ง กำไรรีบเปลี่ยนสภาพเป็นเงินสด กับการลงทุนซื้ออสังหาไว้ปล่อยเช่าเก็บกินระยะยาว ตัดใจขายเมื่อไรมูลค่าก็ยังสูงกว่าราคาที่ซื้อมา

แต่ไม่มีกติกาใด กำหนดว่าเป็นทั้งสองอย่างพร้อมกันไม่ได้ เป็นทั้งนักเก็งกำไร และนักลงทุน กล่าวคือเป็นนักเก็งกำไรที่หวังผลตอบแทนระยะสั้น เพื่อนำผลตอบแทนไปเป็นนักลงทุนในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนระยะยาวที่มั่นคงและ ยั่งยืน บริหารสลับกระเป๋าซ้ายกระเป๋าขวา กลายเป็น Smart Investor ไปเลยให้เข้ากับยุคที่อะไรๆ ก็ Smart ไปหมด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น